ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ The Lion Academy of International Studies ตัวแทนประเทศไทยให้คำปรึกษากับนักเรียสนใจไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโท ปรึกษาฟรีได้ที่ทีมเดอะไลอ้อน ข้อมูลนี้ทีมงานเดอะไลอ้อนจัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลภาพรวมกว้าง ๆ การสอบเข้าในบางคณะหรือในบางมหาวิทยาลัยอาจจะมีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อมูลข้างล่างนี้เช่นกัน
เรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ Master Degree in the UK
เมื่อพูดถึงการศึกษา เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าประเทศอังกฤษนั้นเป็นทางเลือกที่ดีแห่งหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้การศึกษาที่มีคุณภาพสูงแล้ว นักเรียนยังจะได้ประสบการณ์ชีวิตที่น่าประทับใจอีกด้วย นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่นักเรียนหลายคนทั่วโลกเลือกที่จะศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ เพราะการศึกษาที่มีคุณภาพสูงนั้นจะเป็นสะพานที่นำคุณไปสู่เส้นทางที่รุ่งโรจน์ของหน้าที่การงานในอนาคต
Length of Study: การเรียนต่อโทอังกฤษมีระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีก็จบหลักสูตร หากคำนวนบวกลบคูณหารเปรียบเทียบในประเทศอื่น ถือว่าใช้เวลาสั้น ทำให้ประหยัดค่าครองชีพได้
เรียนทั้งหมด สามเทอม แบ่งเป็นสองเทอมแรกมีการเรียนการสอนปรกติ และเทอมสุดท้ายเป็นการทำวิทยานิพนธ์ (Dissertation)
วุฒิการศึกษามิใช่สิ่งเดียวที่คุณจะได้จากการศึกษาต่อต่างประเทศ แต่รวมไปถึงประสบการณ์ใหม่ๆ มุมมองที่แตกต่าง และเครือข่ายทางสังคมที่กว้างขวางขึ้นจากการใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งเดอะไลอ้อนเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเองต่อไป
เหตุผลดีๆที่คุณควรเรียนต่อปริญญาโทในประเทศอังกฤษ
- การศึกษาที่มีคุณภาพสูง : เห็นได้จากจำนวนศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ
- หลักสูตรการศึกษาที่สั้น : ช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งค่าเรียนและค่าดำรงชีพไม่สูงจนเกินไป
- วุฒิการศึกษาเป็นที่ยอมรับทั่วโลก : สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ว่าจ้าง และเป็นใบเบิกทางสู่การทำงานในบริษัทชั้นนำของโลก
- หลักสูตรการศึกษาที่มีคุณภาพ : มีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้เข้ากับยุคสมัยเสมอ และมีเครือข่ายกับบริษัทชั้นนำมากมาย
- มีโปรแกรมที่ค่อนข้างเจาะเฉพาะลงไป เช่น อยากเรียนต่อการตลาด ก็จะแยกลึกลงไป เช่น การตลาดออนไลน์ การตลาดบริการการจัดการ เป็นต้น (MSc Digital Marketing, MA Marketing Management , MSc Marketing Communication)
ขั้นตอนการรับสมัคร
นักเรียนหลายคนเข้าใจการสมัครเรียนต่อปริญญาโทอังกฤษจำเป็นจะต้องมีผลสอบไอเอลทันที แต่ความจริงนั้นมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่สามารถรับใบสมัครได้โดยยังไม่ต้องยื่นผลสอบไอเอลแต่เอกสารที่สำคัญที่จะต้องทำการสมัครคือ
- Transcript ปริญญาตรีเป็นภาษาอังกฤษ สามารถส่งเทอมล่าสุดได้เช่นกัน เช่นบางคนรอผลเทอมสุดท้ายก็ส่งใบเกรดเท่าที่มีคือตั้งแต่ปี 1-4 ปีที่สี่ก็ขอมาเท่าที่มีได้เช่นกัน บางคนถามว่าอ้าวได้เหรอพี่
ตอบว่าได้ครับ เพราะเทอมสุดท้ายเกรดมันพอคำนวนได้ว่ามันคงไม่หล่นและได้มากไปกว่ากี่เปอร์เซนต์ เพราะว่าเทอมสุดท้ายก็เหลือเครดิตไม่มากเช่นกัน - Certificate ใบรับรองจบ ใบรับปริญญาตรี หรือ ใบรับรองว่ากำลังศึกษาอยู่ เป็นภาษาอังกฤษ
- Statement of Purpose (SOP) จดหมายแนะนำตัวเอง ให้ดูรายละเอียดวิธีการเขียนได้ที่ https://www.laisinterstudy.com/guide/knowledge-station/เนื้อหาในการเขียน-statement-of-purpose-sop
- CV/Resume: 1 หน้าแบบกระชับและได้ใจความ
- Reference letters จากอาจารย์สองคน หรือ อาจารย์หนึ่ง และที่ทำงานหนึ่งคน หากนักเรียนมีประสบการณ์ทำงาน การเขียนควรออกจากหัวจดหมายของมหาวิทยาลัย หรือบริษัท มีรายละเอียดคนเขียน และอีเมล์ให้ครบถ้วน ลายเซ็นจากผู้เขียน
- Copy of passport
- ในกรณีที่นักเรียนสมัครคณะด้านอาร์ต ดีไซน์ แฟชั่น ที่ต้องมีการส่ง Portfolio ประกอบจะต้องมีพร้อม
The Lion’s recommendation ช่วงที่นักเรียนควรยื่นใบสมัครปริญญาโทในประเทศอังกฤษ ทางเดอะไลอ้อนขอแนะนำอย่างยิ่ง สามารถเริ่มยื่นได้ตั้งแต่เดือนกันยายน ปีก่อนที่จะเริ่มไปศึกษา เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากใบสมัครยังไม่มาก การได้สมัครช่วงแรกๆ ที่เปิดรับสมัคร เพิ่มโอกาสได้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจำนวนการรอผลที่สั้นกว่า จำนวนที่นั่งยังมีอยู่เยอะ นักเรียนจะได้มีเวลาในการทำข้อสอบภาษาอังกฤษ IELTS ต่อไป ง่าย ๆ คือโล่งใจกว่าเยอะมาก เอาเวลาที่เหลือไปติวไอเอลให้ได้คะแนนเยอะ ๆ จะได้มีเวลาเต็มที่
เรียนต่อปริญญาโทอเมริกา
สหรัฐอเมริกายังถือเป็นประเทศเป้าหมายหลักอันดับหนึ่งที่นักเรียนสนใจไปเรียนต่อกันมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับภาษา มัธยม ซัมเมอร์ ปริญญาตรี โท และเอก ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ The Lion Academy of International Studies มีสถาบันชั้นนำในอเมริกาให้นักเรียนไทยได้ตามฝันและสร้างประสบการณ์การเรียนในต่างประเทศ เดอะไลอ้อนเองมีมหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตรในเครือ แต่ต้องเรียนให้เข้าใจอย่างตรงไปตรงมาในประเทศอเมริกาว่า อาจจะยังไม่มีใครเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในอเมริกาได้ทั้งหมด ก็ประเทศใหญ่มหึมามาก บางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มีตัวแทนในต่างประเทศ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีมากถึง 4, 000 กว่ามหาวิทยาลัย ซึ่งเยอะมากๆ และไม่ได้มีระบบการจัดแรงกิ้งแบบ National Ranking ไม่มีกระทรวงศึกษาธิการเหมือนในหลาย ๆ ประเทศ ดังนั้นการเลือกมหาวิทยาลัย ปัจจัยจากแรงค์กิ้งอาจจะไม่ถูกต้องสักทีเดียว หากต้องการดูควรเลือกจากประเภทในการจัดลำดับ Category ก็จะช่วยให้ง่ายในระดับหนึ่ง เพราะว่าบางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เน้นการทำวิจัย research เราอาจจะไม่เห็นชื่อในมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ในระบบแรงกิ้งที่นักเรียนไทยใช้เป็นตัววัด แต่บางมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการเรียนการสอนอย่างเดียวไม่ได้เน้นการทำวิจัย จึงทำให้อาจจะไม่ได้มีชื่อติดโผ่เข้าไป แต่อาจจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในคณะหนึ่ง หรือบางมหาวิทยาลัยเอกชนในอเมริกาที่รับเข้ายาก แต่ไม่เคยเห็นหรือได้ยินชื่อนั้นมาก่อน แต่การรับเข้าเน้นเกรดสูงแบบเกียรตินิยมก็มี หากแต่การเลือกควรมุ่งไปดูที่ประเภทของคณะ วิชา ที่สนใจ ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยที่เด่นดังมากด้านศิลปศาสตร์อย่าง Occidental college ใน Los Angeles หนึ่งในมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่ในการสอนด้าน Liberal Arts College ที่มีบุคคลอันมีชื่อเสียงอย่าง Obama , Ben Affleck etc. เราก็อาจจะไม่คุ้นหูแต่เชื่อหรือไม่ว่าในการรับเข้าสุดโหด และมีจำนวนนักเรียนในห้องที่มีอย่างจำกัด และนั่นก็คือสาเหตุที่เราอาจจะต้องมองให้ลึกลงไปในเรื่องของประเภทของคณะลงไปด้วยเช่นกัน การเลือกมหาวิทยาลัยมีคำกล่าวของศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยท่านหนึ่งพูดว่า “เราต้องการเรียนคลาสเล็ก ๆ ที่อาจารย์รู้จักเรา หรือต้องการเรียนมหาลัยใหญ่แต่นั่งหลังห้อง” ก็เป็นมุมน่าคิดที่น่าสนใจทีเดียว ปัจจัยจึงขึ้นอยู่กับคณะ วิชา ประเภท เมือง ก็มีส่วนช่วยในการตัดสินใจ หากจะพิจารณาแรงค์ในการเลือกอาจจะไม่ได้ถูกต้องสักทีเดียวนัก
ส่วนใหญ่ก็จะคุ้นไปเลยคือมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League เพราะว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนเน้นวิจัยเป็นหลัก มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีดวามเด่นทางด้านวิชาการ การวิจัย และเป็นท๊อปที่มีนักเรียนนักศึกษาและศิษย์เก่ามีชื่อเสียง Ivy League 8 สมาชิกมีใครกันบ้าง?
INSTITUTION | LOCATION |
1. Brown University | Providence, Rhode Island |
2. Columbia University | New York City, New York |
3. Cornell University | Ithaca, New York |
4. Dartmouth College | Hanover, New Hampshire |
5. Harvard University | Cambridge, Massachusetts |
6. University of Pennsylvania | Philadelphia, Pennsylvania |
7. Princeton University | Princeton, New Jersey |
8. Yale University | New Haven, Connecticut |
แต่การเลือกมหาวิทยาลัยในอเมริกายังมีตัวเลือกนับพัน ๆ ที่มีคุณภาพสูงอีกมากมายให้เลือกไม่เฉพาะในกลุ่มข้างบน อีกนับพัน ๆ มหาวิทยาลัย ย้ำนะครับนับพัน ๆ การเลือกมหาวิทยาลัยด้วยจำนวนนับพัน และความแตกต่างกันคงจะใช้แรงกิ้งอย่างเดียววัดอาจจะไม่ถูกสักทีเดียวนัก อย่างที่ได้อธิบายอเมริกาเองก็ไม่ได้มีสาระบบเครื่องมือวัดแบบการจัดแรงค์ระดับชาติ หรือกระทรวงด้านนี้ ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยมีชื่อส่วนใหญ่เป็นภาคส่วนของเอกชน ที่จะต่างจากฝั่งอังกฤษซึ่งเป็นของรัฐ การบริหารปกครองทางภาคเอกชนที่มีอำนาจ และกฎของสภามหาวิทยาลัยเอง จึงไม่แปลกถ้าเราจะเห็นกฎการรับเข้าศึกษาที่มีความหลากหลายและ แตกต่างกัน ความยืดหยุ่น หรือความเข้มข้นในการคัดเลือกบุคคล หรือบางที่การได้เจรจากับมหาวิทาลัยโดยตรงแบบ individual basis มันก็มีให้เห็นอยู่ในหลาย ๆ เคสเป็นต้น และก็ไม่แปลกถ้าจำนวนมหาวิทยาลัยมีมากมายขนาดนี้ และมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ไม่ได้มีเอเจนซี่ตามประเทศต่างๆ ก็ต้องพูดแบบตรงไปตรงมาว่ามหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่มานาน ความแข่งขันทั้งนักเรียนในประเทศที่ต้องการเข้าไปเรียนที่มีจำนวนมากมายขนาดนั้น คือว่ากันภาษาง่าย ๆ การแข่งขันเข้าเรียนมีสูงมากพอ และมีนักเรียนมากมายเพียงพอในแต่ละปีอยู่แล้ว เราจึงเห็นข้อความในมหาวิทยาลัยที่ว่านักเรียนต้องสมัครตรงเข้ามหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยไม่ได้มีพาร์ทเนอร์ตัวแทนในการช่วยเรื่องใบสมัคร เป็นต้น ซึ่งจะแตกต่างจากในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเยอรมัน แต่แน่นอนในบางมหาวิทยาลัยก็เริ่มเห็นความสำคัญ และเริ่มมีพันธมิตรในการช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติมากขึ้น และเริ่มมีระบบการเรียนที่เป็น Pathways มากขึ้นด้วยเช่นกัน
Academic Year จะมีเรียนทั้งหมด 4 เทอม ต่อปี การเรียนจะแบ่งซอยย่อย แต่ละเทอม บางทีอาจจะเรียนแค่เทอมละสองวิชา-สามวิชาต่อเทอมก็ยังได้ ทำให้นักเรียนมีเวลามากในการค้นคว้า และทำคะแนนได้ดี ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในการเรียนที่ประเทศอเมริกา การเก็บเครดิตอย่างต่ำเช่น 6 เครดิตต่อภาคการศึกษา เป็นต้น โอกาสในการทำงานหลังจบการศึกษา หรือระหว่างเรียน แน่นอนว่ายังถือเป็นจุดแข็งของอเมริกาที่ในบางคณะวิชามีโอกาสที่จะทำงานหลังจากจบการศึกษาได้ การรับเข้านอกจากจะสมัครเข้าตรง ในหลาย ๆ มหาวิทยาลัยเริ่มมีทางเลือกให้นักเรียนต่างชาติมากขึ้น หากเกรดเฉลี่ยหรือภาษาจะยังไม่ถึงการได้เรียนแบบ Pathways ที่มหาวิทยาลัยได้ทำร่วมกับเอกชนที่ทำหลักสูตรเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน ดังนั้นคุณสมบัติผู้สมัครในการสมัครก็จะลดลงมา เช่น เกรดเฉลี่ย และผลคะแนนภาษา
ระยะเวลาการเรียนปริญญาโทอเมริกา ก็ส่วนใหญ่ใช้เวลาได้เริ่มต้น 1-2 ปี การเรียนระยะเวลาหนึ่งปี นั้นหมายความว่านักเรียนเองจำเป็นต้องมีเกรดที่ดีในการที่เรียนวิชาต่าง ๆ ให้จบภายในหนึ่งปีด้วยเช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้มีเวลาจำกัดการเรียน จริงๆ แล้วระยะเวลาสองปีที่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเก็บเกี่ยววิชาความรู้และประสบการณ์ต่างแดนได้ดีกว่าถ้านับการเก็บเครดิตในแต่ละเทอมให้เต็มที่ ยกเว้นในกรณีที่นักเรียนต้องเรียนเข้าเรียนแบบระบบ Pathways ก็อาจจะมีระยะเวลาในการเรียนบวกเพิ่มขึ้นไป
ขั้นตอนในการรับสมัครปริญญาโทอเมริกา
- Official Transcript
- Certificate
- English Test results เช่น IELTS, TOEFL iBT
- 2 recommendation letters จากอาจารย์สองท่าน หรือ อาจารย์หนึ่ง และจากที่ทำงานหนึ่ง
- Copy of passport
- Personal Statement/ Essay
- Bank Statement showing proof of sufficient funds
- Resume/CV
- GMAT or GRE if required
เรียนต่อปริญญาโทออสเตรเลีย
สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อปริญญาโทออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลียยังเป็นเป้าหมายหลัก ๆ สำหรับนักเรียนไทยเช่นกัน ด้วยคุณภาพการศึกษา และคุณภาพชีวิตถือว่าออสเตรเลียให้คำตอบในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเด่นเรื่องของโอกาสทางการทำงานไม่ว่าจะเป็นระหว่างเรียนหรือหลังเรียนจบ ณ ปัจจุบันประเทศออสเตรเลียถือว่าให้โอกาสกับนักศึกษาสามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนใหญ่นักเรียนไทยที่ไปเรียนก็จะเลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเขตเมืองใหญ่ เช่น ๆ Sydney, Melbourne, Perth, Brisbane เป็นต้น มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กีมีคอร์สหลากหลายให้เลือก ถ้าไม่ได้เลือกในกลุ่มของ Group of Eight แล้วส่วนใหญ่ก็อยู่ในมาตราฐานเดียวกันหมด ในกลุ่ม Group of Eight ก็คือกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิจัยที่เป็นเลิศ มี
สมาชิกภาพด้วยกันทั้งหมด 8 มหาวิทยาลัยได้แก่
- The University of Melbourne
- The Australian National University
- The University of Sydney
- The University of Queensland
- The University of Western Australia
- The University of Adelaide
- Monash University and
- UNSW Sydney
การรับเข้ามหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย จะต่างนิดหน่อยตรงที่ว่า ในหลาย ๆคณะ หากมหาวิทยาลัยพิจารณาแล้วว่าคุณสมบัติอาจจะยังขาดไปบ้าง การเรียนในมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียจะมีให้ปรับพื้นฐานก่อนการเข้าสู่ระดับปริญญาโท ซึ่งจะพบบ่อย แบบเรียนเป็นขั้น ๆ ก่อน เช่น นักเรียนเรียนจบปริญญาตรี สาขารัฐศาตร์มา แต่สนใจอยากเรียนการตลาดในระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียอาจจะยื่นเงื่อนไขให้เรียนเป็นขั้นโดยแบ่งดังนี้
Stage one: Academic English Language (ในกรณีที่ภาษาไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กำหนด)
Stage two: Graduate Certificate
Stage three: Master Degree
ระยะเวลาระดับปริญญาโทออสเตรเลีย ส่วนใหญ่อาจจะใช้เวลาที่มากกว่าคืออาจจะอยู่ประมาณหนึ่งปีกว่า ๆ ถึงสองปีในบางกรณี
ขั้นตอนในการรับสมัครปริญญาโทออสเตรเลีย
- Official Transcript
- Certificate
- Copy of passport
- Resume/CV
- 2 Recommendation letters จากอาจารย์สองท่าน หรือ อาจารย์หนึ่ง และจากที่ทำงานหนึ่ง
- IELTS
เรียนต่อปริญญาโทนิวซีแลนด์ (Master Degree Level 9)
จะว่าไปภาพกว้างๆ ก็มีคล้ายอยู่กับประเทศออสเตรเลียอยู่บ้างตรงจุดเด่นที่นักเรียนปริญญาโทสามารถทำงานได้ระหว่างเรียนและหลังจบการศึกษาก็ให้โอกาสต่อวีซ่าประเภท Post Study Work ได้เช่นกัน นับว่าเป็นตัวเลือกสำหรับนักเรียนไทย ๆ หลาย ๆ คนที่ชอบอยากหาประสบการณ์การทำงานหลังเรียนจบ
Academic Year ระยะเวลาเรียนอยู่ประมาณ 15 เดือน บางโปรแกรมมี 5 เทอม หรือ 8 สัปดาห์ต่อเทอม เช่น
Term 1: เริ่มกุมภาพันธ์
Term 2: เริ่มพฤษภาคม
Term 3: เริ่ม กรกฎาคม
Term 4: เริ่ม กันยายน
Term 5: เริ่ม ธันวาคม
หรือบางโปรแกรมเรียน 3 เทอม หรือ 16 สัปดาห์ต่อเทอม เช่น
Semester 1: กุมพาพันธ์
Semester 2: กรกฎาคม
Semester 3: ธันวาคม (Summer School)
ขั้นตอนในการรับสมัครปริญญาโทนิวซีแลนด์
- Official Transcript
- Certificate
- Copy of passport
- Resume/CV
- 2 Recommendation letters จากอาจารย์สองท่าน หรือ อาจารย์หนึ่ง และจากที่ทำงานหนึ่ง
- IELTS
เรียนต่อปริญญาโทเยอรมัน
สำหรับตัวเลือกข้ามฝั่งกลับไปฝั่งยุโรป ประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีอย่างเยอรมัน ตัวเลือกใหม่ของนักเรียนไทยถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะว่ามหาวิทยาลัยในเยอรมันก็มีหลักสูตรนานาชาติที่สามารถรองรับให้นักเรียนไทยเข้าไปศึกษาต่อได้ ซึ่งการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ จะว่าตัวเลือกนี้นอกจากจะได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้ว หากการใช้ชีวิตประจำวันจะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาษาเยอรมันถือว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ประสบการณ์การใช้ภาษาด้วยเช่นกัน และหากจบการศึกษาระดับปริญญา นักเรียนก็สามารถได้วีซ่าทำงานหลังเรียนจบได้อีก อย่างน้อย ๆ หนึ่งปี ก็ถือว่าทำให้นักเรียนได้รับโอกาสที่ดีในการเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างแท้จริง
Academic Year ระยะเวลาเรียนต่อโทเยอรมันประมาณ 1 ปี หรือ 2 Semester เปิดสอนสอง Intake คือช่วง Spring/Autumn (มีนาคม หรือ กันยายน) แต่ในบางกรณีหากนักเรียนบางคนไม่มีแบคกราวน์ในสาขานั้น จำเป็นอาจจะลงโปรแกรมเรียน Pre-Master Preparation Course Master ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนก่อนคอร์สปริญญาโทจะเริ่ม และที่น่าสนใจในประเทศเยอรมันคือ หลังจากเรียนจบปริญญาโท มหาวิทยาลัยก็จัดเป็นคอร์สเตรียมตัวเข้าพร้อมสู่โลกการทำงานด้วยโปรแกรมที่เรียกว่า Career Preparation Programme อีก 6 เดือนหลังจากจบปริญญาด้วยเพื่อนก้าวสู่การทำงานฝึกทักษะด้านผู้นำ เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานในเยอรมันต่อไป
ขั้นตอนในการรับสมัครปริญญาโทเยอรมัน
- Official Transcript
- Certificate
- Copy of passport
- Resume/CV
- 2 Recommendation letters จากอาจารย์สองท่าน หรือ อาจารย์หนึ่ง และจากที่ทำงานหนึ่ง
- IELTS
เรียนต่อปริญญาโทแคนาดา
เรียนต่อโทแคนาดาจริง ๆ มีความคล้ายกับในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่หลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนระยะเวลาที่เรียน ข้อกำหนดในการสอบเข้า การแข่งขันในบางมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันกันสูงในเขตบริติชโคลัมเบีย การรับสมัครปริญญาโทก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและของมหาวิทยาลัยในแคนาดาเช่นกัน
Academic Year: ระยะเวลาเรียนต่อปริญญาโทแคนาดาอยู่ประมาณ 1.5-2 ปี เปิดสอน Intake ช่วง กันยายน /มกราคม พฤษภาคม
ขั้นตอนในการรับสมัครปริญญาโทแคนาดา
- Official Transcript
- Certificate
- Copy of passport
- Resume/CV
- 2 Recommendation letters จากอาจารย์สองท่าน หรือ อาจารย์หนึ่ง และจากที่ทำงานหนึ่ง
- IELTS