LAIS ศูนย์วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ ซัมเมอร์แคมป์ อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมัน ทุกระดับชั้นเรียน

Header3

 

เรียนภาษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย

สำหรับนักเรียนที่กำลังวางแผนเรียนต่อออสเตรเลีย มีขั้นตอนในการวางแผนที่สำคัญดังนี้

1.ศึกษาเมืองที่ต้องการไป

สำหรับเมืองเป็นปัจจัยต้น ๆ ที่นักเรียนต้องพิจารณาว่าต้องการไปเรียนเมืองอะไรสำคัญ ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่อย่างไร เช่นบางคนบอกว่ามีญาติอยู่เลยอยากไป แต่ยังไม่ได้ทราบแน่ชัดว่าบ้านญาติของเรานั้นแท้จริงตั้งอยู่ที่ไหนในออสเตรเลีย หลายคนรู้แค่เพียงว่ามีญาติอยู่ แต่พอมาตรวจสอบจริง ๆ บ้านที่ญาติอยู่นั้นอาจจะอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลจากเมืองสำคัญ ๆ ไปมาก อย่าลืมว่าคนในต่างประเทศส่วนใหญ่นั้นชอบพักอาศัยในต่างจังหวัด ซึ่งในความเป็นจริง โรงเรียนภาษาส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง หรือถ้านักเรียนบางคนไม่ได้มีญาติ ก็เลือกเมืองสำคัญ ๆ  เช่น เมล์เบิร์น ซิดนีย์ หรือเมืองที่เรารู้สึกชื่นชอบเป็นส่วนตัวก็ได้เช่นกัน

2.ข้อคำนึงในการเลือกโรงเรียนภาษามีอะไรบ้าง?

ประเด็นแรกที่อยากแนะนำก็เลยให้ตรงงบประมาณที่เรามี และคุณภาพการเรียนการสอน ในโรงเรียนภาษาแต่ละแห่งจะมีการจัดลำดับความน่าเชื่อถือ ไม่ควรเลือกโรงเรียนที่ราคาถูกเสียทีเดียว ข้อมูลค่าเฉลี่ยสัดส่วนนักเรียนต่างชาติ เป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีอยู่ในหน้าของโรงเรียนนักเรียนสามารถตรวจสอบได้  โรงเรียนแต่ละที่จะได้รับการจัดลำดับ Assessment Level Institution  ซึ่งประเมิณโดย Department of Home Affairs.  https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/web-evidentiary-tool    โรงเรียนที่ได้รับการประเมิณก็จะได้รับการจัดอันดับ เช่น Level 1 , Level 2 และ Level 3 ตามลำดับ เป็นสถิติที่โรงเรียนนั้นได้ถูกประเมิณ ถ้าอยู่อันดับหนึ่ง AL1 ก็จะมีประโยชน์ในเชิงเอกสารในการส่งเพื่อขอวีซ่า เอกสารบางตัวก็ไม่จำเป็นต้องยื่น หรือได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่า ง่ายๆ คือเหมือนมีเครดิตนิดหน่อยโรงเรียนในระดับ AL2  ซึ่งโรงเรียนที่ได้รับ AL 2 ก็อาจจะต้องยื่นเอกสารมากกว่า  แต่การประเมิณนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงได้หากโรงเรียนนั้นมีประวัติสถิติการอนุมัติวีซ่า เราจึงเห็นว่าโรงเรียนภาษาหลาย ๆ ที่จะประเมิณนักเรียนจากแบบสอบถามก่อนเพื่อดูความเป็นไปได้ว่าจะได้รับการอนุมัติวีซ่าหรือไม่ โดยการส่งเอกสารทางการเงิน ดูประวัติ ดูอายุ ดูสถานะ เป็น   อย่างไรก็ดี โรงเรียนที่ได้รับสองอาจจะได้รับอันดับหนึ่งได้ในเวลาต่อมาหากมีสถิติที่นักเรียนได้รับวีซ่าที่ดีและไม่ได้ความว่าอันดับที่สองจะมีคุณภาพการสอนด้อยกว่าอันดับที่หนึ่งเช่นกัน ดังนั้นการอนุมัติวีซ่าส่วนใหญ่มาจากประวัติของนักเรียน แบคกราวที่ดี และหลักฐานที่ชัดเจน

 

นอกจากที่โรงเรียนจะถูกประเมินแล้ว ประเทศต่าง ๆ ก็ถูกประเมิณด้วยเช่นกัน ทางการมีการจัดอันดับคะแนนในประเทศต่าง ๆ ด้วย เช่น ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มไหน เอกสารที่ต้องใช้อาจจะมีมากกว่านักเรียนในบางประเทศที่ถูกจัดอันดับสูงกว่า

3.สถานะผู้สมัครเป็นปัจจัยที่สำคัญ

รู้หรือไม่ว่าคะแนนเกณฑ์ในการให้คะแนนว่านักเรียนคนนั้น ๆ มีสถานะอย่างไรถือว่าเป็นตัวแปลสำคัญ ในกรณีที่นักเรียนคนนั้นว่างงานเกินกว่า  6 เดือน จะเสียเปรียบกว่านักเรียนที่สถานะมีงานทำแน่นอน แต่ถ้าเรียนเพิ่งจบก็ไม่ควรปล่อยให้สถานะว่างมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปเช่นกัน  เช่น บางคนมีงานประจำทำ แต่วางแผนว่าอยากไปเรียนต่อ ก็รีบลาออกก่อนจะทำเรื่องการเรียน หรือทำวีซ่าด้วยซ้ำ ซึ่งจริง ๆ แล้วหลายคนมองข้ามไปว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าจะวีซ่าผ่าน ดังนั้นการรักษาสถานะการทำงานนั้นเป็นตัวแปลที่ดีด้วยซ้ำไป ควรรักษาสถานะการทำงานไว้ ทำเรื่องให้เรียบร้อยและได้รับการอนุมัติวีซ่าก่อน หนึ่งในคำถามในการกรอกวีซ่าคือ ประวัติการทำงาน ปัจจุบันทำงานอะไรที่ไหน ดังนั้นหากสถานะไม่ได้ทำอะไรนานกว่า 6 เดือน พูดง่ายๆ ในเรื่องของประวัตินั้นตรงนี้ก็จะร่วงไปนั้นเอง ความน่าเชื่อถือตรงนี้ก็หายไปด้วย

4.มีข้อจำกัดของอายุที่จะไปเรียนภาษาหรือไม่?

จริง ๆ ก็มีอยู่นะครับ ในบางโรงเรียนมีข้อจำกัดที่จะไม่รับนักเรียนที่มีอายุไม่เกิน 24 ปีก็มี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าในโรงเรียนนั้นอาจจะต้องการรักษาสถิติหรือความเสี่ยงที่นักเรียนคนนั้นอาจจะถูกปฏิเสธวีซ่า เช่น โรงเรียนนั้นเห็นว่าช่วงระหว่างอายุ 30-34 ปีนั้นมีเปอร์เซนในการได้รับวีซ่าต่ำ เพื่อเป็นการรักษาสถิติตามที่แจ้งในข้อ 2 ด้านบนว่า ร.ร. ในแต่ละที่ต้องการได้รับ  AL1 (assessment level)  คือได้รับความน่าเชื่อถือจากทางการและไม่ต้องการสูญเสียอันดับไปนั้นเอง แต่หลายโรงเรียนส่วนมากที่ไม่ได้มีนโยบายจำกัดอายุก็เยอะครับ ดังนั้นหากบางโรงเรียนมีนโยบายนี้ก็เป็นข้อมูลให้ทราบว่า แท้จริงแล้วอาจะมีข้อมูลเบื้องหลังเรื่องของการรักษาสถิติของโรงเรียนนั้น ๆ ว่านักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนในโรงเรียนเค้าได้รับความน่าเชื่อถือ มีเปอร์เซ็นต์ที่นักเรียนได้รับวีซ่าสูงนั้นเอง

5.การเขียนเรียงความที่ชัดเจนส่งผลบวกในการอนุมัติวีซ่า?

แน่นอนที่สุดครับ การเขียนเรียงความหรือที่เรียกว่า GTE (Genuine Temporary Entrant requirement) เป็นหนึ่งในเอกสารหลักสำคัญที่ผู้สมัครต้องเขียนคลอบคลุมตามที่กำหนด  นักเรียนจำเป็นต้องอธิบายได้ตามข้อกำหนด ซึ่งพูดง่าย ๆ เนื้อหาเหล่านี้จะทำให้สถานทูตรู้จักความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา ประวัติแบคกราวน์ต่าง ๆ ซึ่งเนื้อหาหลัก ๆ จะรวมเรื่อง

  • ประวัติการทำงานที่ผ่าน หรือปัจจุบัน เห็นมั้ยครับข้อนี้มันสัมพันธ์กับหัวข้อ 3 ที่อธิบายไปตอนบนว่า

สถานะนั้นสำคัญอย่างไร ควรมีหลักฐานแนบเช่น ใบเงินเดือน สัญญาจ้างงานถ้ามี การทำ CV/Resume เพื่อให้สถานทูตได้เห็นอย่างชัดเจนไล่ลำดับประวัติการทำงานตั้งแต่ปัจจุบันล่าสุดไปรวมถึงประวัติการทำงานอื่น ๆ ที่ผ่านมา

  • ประวัติการศึกษา ต้องแนบประวัติการศึกษาที่ผ่าน รวมถึงวุฒิบัตรต่าง ๆ จากสถาบัน ก็จะสอดคล้องสามารถดูได้ว่าหลังเรียนจบมา จุดนี้ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่านักเรียนมีประวัติการเรียนจบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นต้น อันนี้ก็สามารถเชื่อมสัมพันธ์ช่วงไทม์ไลน์ได้ชัดเจน
  • ประวัติการเดินทางเข้าออก เช่น เดินทางไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ หรือประวัติเดินทางเข้าออกออสเตรเลียถ้ามี

ซึ่งนักเรียนจำเป็นต้องอธิบายได้อย่างครบถ้วนตรงตามที่สถานทูตต้องการ แน่นอนเอกสารนี้ถือเป็นหัวใจในการที่อธิบายประวัติต่าง ๆ ของผู้สมัครได้เป็นอย่างดี ยิ่งอธิบายให้ชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์สูงสุดครับ

6.การเรียนภาษาต้องมีภาษาระดับดีแค่ไหน?

นักเรียนชอบถามอยู่บ่อย ๆ เรื่องนี้ และกังวลว่าภาษาตัวเองไม่ดี หัวใจของการไปเรียนภาษาก็เพราะว่าเราต้องการพัฒนา หากเราภาษาดีมาก การเรียนภาษาก็คงไม่จำเป็นใช่มั้ยครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวล โรงเรียนภาษาเค้าสามารถรับนักเรียนได้ทุกระดับ ต่อให้ไปเป็นเลยหรือเริ่มจากศูนย์ก็ไปได้ และนี้ก็คือจุดประสงค์หลักของการไปเรียนภาษา  จะพัฒนาได้มากแค่ไหนก็อยู่ที่ตัวเราและการฝึกฝนครับ

7.นักเรียนภาษาทำงานได้หรือไม่?

ณ ปัจจุบันประเทศออสเตรเลียอนุญาตให้นักเรียนภาษาทำงานได้ครับ ตามกฎหมายไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำงานนี้เองนอกจากจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายค่าขนมเล็ก ๆ น้อย แต่เราคิดว่านี้คือการพัฒนาทักษะการใช้ภาษานอกห้องเรียนที่แท้จริง กับสถานการณ์จริง ที่จะเป็นประสบการณ์ชีวิตติดตัวของนักเรียนทุกคนไปตลอดชีวิตนั้นเอง ขอให้นักเรียนพึ่งปฏิบัติให้ตรงตามข้อกำหนดกฎหมายที่มีถือว่าเป็นกำไรชีวิตในการศึกษาเล่าเรียนต่างประเทศ

8.ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ในการไปเรียนภาษา?

คำถามคลาสสิคตลอดกาล ขออธิบายภาษาง่ายๆ ตัวเลขกลม ๆ นะครับ หากไปเรียนภาษาซึ่งนักเรียนนิยมไป 6 เดือนขึ้นไป ก็ควรแบ่งเงินสองส่วน คือ

 1. ส่วนที่ต้องชำระค่าเทอมจำนวนเต็ม 2. ส่วนที่ต้องแสดงให้สถานทูตหรือโรงเรียนในขั้นตอนแรก

  • หากไป 6 เดือน ค่าเรียนจะอยู่ราว 140,000-170,000 ไทยบาท
  • Bank Statement ที่ต้องแสดงราว ๆสัก 5-7 แสนไทยบาทขึ้นไป เอาตัวเลขง่าย ๆ ก่อนนะครับ ตัวเลขนี้สำหรับเรา เรียกว่า ตัวเลขสบายใจ

ถ้าจะไปเรียนสัก 6 เดือนก่อน นักเรียนก็คิดตัวเลขในใจไว้เท่านี้ก่อนได้เลยครับ ที่เหลือส่วนปลีกย่อย สองเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่ควรเตรียมตัวไว เพราะว่าหลักฐานสองอย่างนี้ขั้นตอนแรกที่เราจะผ่านไปเรื่องๆ อื่น ๆ ต่อไป ขอจัดระเบียบความสำคัญไว้สองเรื่องหลักนี้เป็นอันดับต้น ๆ ก่อนเลยครับ

9.หลังเรียนจบหกเดือนแรก หากภาษายังไม่ดี เรียนต่อได้หรือไม่?

ได้ครับ นักเรียนก็สามารถลงทะเบียนต่อ และขอวีซ่าต่อได้ในประเทศออสเตรเลียได้ครับ ดังนั้นเรื่องของจำนวนการเข้าเรียนตัวแปรสำคัญ นักเรียนควรเข้าเรียนให้ได้ตามกำหนด หากเปอร์เซ็นต์การเข้าห้องเรียนไม่ถึงตามเกณฑ์ แน่นอนอาจจะส่งผลต่อการต่อวีซ่าครั้งต่อไปได้ครับ

10.ระหว่างศึกษาเรียน สามารถเดินทางออกประเทศ หรือวีซ่าท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่นๆ ได้หรือไม่?

ได้ครับ ตัววีซ่าจะเป็น Multiple นักเรียนสามารถเข้าออกได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และสามารถขอวีซ่าไปเที่ยวในประเทศอื่นได้ เช่น บางคนอยากใช้ช่วงวันหยุดไปเที่ยวนิวซีแลนด์ ก็สามารถขอวีซ่านิวซีแลนด์ในออสเตรเลียได้ โดยที่ไม่ต้องกลับมาที่ไทยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ประเภทของวีซ่าด้วย แต่ในที่นี้เราพูดถึงวีซ่านักเรียนที่อยู่เกิน 6 เดือนก็ถือว่าได้ครับ

11. เตรียมเงินค่าที่พักเท่าไหร่?

สำหรับค่าที่พักให้นักเรียนจับกระเป๋าเงินเตรียมไว้ช่วงเดือนสองเดือนแรกที่ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน ที่เหลือเวลาไปอยู่แล้วจะย้ายไปตามบัตเจตอะไรก็ว่ากันไป ถามว่าทำไม ก็เพราะว่าสองสามเดือนแรก เราอาจจะมีตัวเลือกไม่เยอะก่อนไป ก็ด้วยความเสี่ยงที่เราไม่เคยเห็นที่พัก ของจริงกับรูปในอินเตอร์เนตก็อาจจะต่างกัน เริ่มแรกก็ต้องหาที่พักที่สะดวกไปก่อน แล้วจะไปขยับขยายเมื่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ทางศูนย์จะไม่แนะนำ พักกับที่โรงเรียนก่อนคือ เช่น โฮมสเตย์ ข้อดีคือวางเงินระยะสั้น ๆ ได้ไม่ต้องทำสัญญานาน ๆ สองอาทิตย์ ไม่ชอบก็ย้าย สบายใจกว่าครับ เราจึงไม่ได้มองว่านักเรียนจะหาที่อยู่ไม่ได้ เมื่อไปถึง อย่างน้อยก็ได้ดูห้องให้เห็นกับตาดีกว่าทางเน็ตแน่นอน

 

เว๊ปไซต์ที่แนะนำในการหาที่พักก็เข้าไปศึกษาได้ที่  https://flatmates.com.au/info

 

โรงเรียนภาษาออสเตรเลีย International House Sydney

สำหรับโรงเรียนภาษาที่มีชื่อเสียงในซิดนีย์ ต้องมีนึกถึง International House ด้วยคุณภาพและหลักสูตรที่มีหลากหลายที่เปิดสอนกันมามากกว่า 30 ปี



เรียนต่อภาษาที่ Navitas English

Navitas English เป็นโรงเรียนสอนภาษาชั้นนำในออสเตรเลีย เปิดสอน 2 แคมปัส ในเมือง Perth และเมือง Sydney



เรียนภาษา ที่ ILSC English Language Australia

โรงเรียนภาษาอังกฤษ ILSC ที่เปิดสอนนักเรียนทั่วโลกมากกว่า 100 ประเทศตั้งแต่ปี 1991 มากกว่า 28 ปี



การเรียนต่ออังกฤษ เรียนต่อภาษา ที่ EC English Language Schools | Australia

โรงเรียนภาษาอีซี EC English Language Schools ที่เปิดสอนมากว่า 30 ปีมีสาขาอยู่ 8 ประเทศทั่วโลก



การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Academia International, Australia

การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Academia International, Australia หากต้องการฝึกงาน ที่นี้มีสถาบันรองรับให้นักเรียนในการฝึกงานจริง!



การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Sydney College Of English, Australia

การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Sydney College Of English, Australia มีคอร์สที่ภาษาอังกฤษที่มีความเฉพาะด้าน ภาษาอังกฤษสำหรับในการใช้ด้านการแพทย์ พยาบาลโดยเฉพาะ



การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ LSI International education, Australia

การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ LSI Brisbane, Australia ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ใจกลางเมืองบริสเบน โรงเรียนรายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เดินทางสะดวก



การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Queensford College, Australia

การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Queensford College, Australia เป็นโรงเรียนเอกชนที่เป็นหลักสูตรเน้นทางด้านอาชีพ และหลักสูตรทางด้านภาษา



การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Kaplan, Australia

การเรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อภาษา ที่ Kaplan, Australia เป็นสถาบันชั้นนำที่ให้บริการด้านการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษในต่างประเทศ