THE BRITISH SCHOOL SYSTEM

British Education System

New Zealand Education System

American Education System

Canadian Education System

Australian Education System

ระยะเวลา - รวมทั้งหมด 13 ปี (อนุบาล/เตรียมอนุบาล – Grade 12)

มี 4 เทอม / ปีการศึกษา เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมกราค หรือ-ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

คุณวุฒิทางการศึกษา

1. คะแนนการรับเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาแห่งออสเตรเลีย (Australian Tertiary Admission Rank หรือ ATAR)

เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Grade 11-12) นักเรียนจะต้องสอบ รับใบรับรองคุณวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างเป็นทางการ และได้รับคะแนน ATAR คะแนนนี้บ่งบอกถึงอันดับผลการเรียนของนักเรียนเมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นในปีเดียวกัน คะแนน ATAR ถูกใช้โดยมหาวิทยาลัยสำหรับการรับเข้าเรียนในหลักสูตรระดับอุดมศึกษา

2. ประกาศนียบัตรการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior Secondary Certificate of Education หรือ SSCE)

ชื่อของ SSCE จะแตกต่างกันไปตามระบบการศึกษาที่ใช้ในแต่ละรัฐของออสเตรเลีย แต่ประกาศนียบัตรของแต่ละรัฐทั้งหมดได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย ผู้ให้บริการการศึกษาระดับอุดมศึกษา และผู้ให้บริการการศึกษาสายอาชีพ (VET) นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการการศึกษาหลายแห่งในต่างประเทศด้วย

3. ประกาศนียบัตรนานาชาติ (International Baccalaureate หรือ IB)

บางโรงเรียนในออสเตรเลียมีการสอน IB ซึ่งเป็นหลักสูตรนานาชาติที่ได้รับการยอมรับใน 140 ประเทศ สำหรับการรับเข้ามหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย คะแนน IB จะถูกแปลงเป็นคะแนน ATAR

10 ข้อหลักในการพิจาณาเลือกโรงเรียนประจำในอังกฤษ

คงเป็นการยากอยู่ไม่น้อยที่ผู้ปกครองจะเริ่มต้นเลือกโรงเรียนประจำดีๆ ในอังกฤษ เพราะแต่ละโรงเรียนต่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ความเชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่าโรงเรียนเกือบทั้งหมดในอังกฤษต่างอยู่ในมาตราฐานที่สูง แต่ผู้ปกครองอาจจะพิจารณาปัจจัยอื่นควบคู่ในการตัดสินใจนอกจากผลงานทางด้านวิชาการของโรงเรียนนั้นๆ ด้วย

1. การดูแลอภิบาล หรือที่เรียกว่า Pastoral care ซึ่งก็เป็นการดูแลเด็กนักเรียนแต่ละคน หลายที่เป็นเพียงแค่ให้การศึกษาหรือควบคู่การเอาใจใส่ดูแลส่วนตัวด้วย เช่นในบางครั้งลูกหลานอาจจะต้องการดูแลมากกว่าด้านการเรียน แต่หมายถึง ภาวะทางอารมณ์ ทางด้านนี้โรงเรียนสามารถช่วยเหลือได้ด้วยหรือไม่ มีคนเข้าไปช่วยเหลือบุตรหลานเมื่อเวลาเค้าต้องการหรือไม่ การดูแลทีดีต้องมีการช่วยเหลือมากกว่าทางด้านการศึกษา ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีความสุขในที่เรียนและจะทำให้เค้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่พร้อมกันทั้งการเรียนและวุฒิทางอารมณ์
2. การประเมินระดับความสามารถ การประเมินวัดผลการเรียนแต่ละคนว่านักเรียนมีพัฒนาการมากน้อยแค่ไหนนับตั้งแต่เข้าโรงเรียน ถ้าผู้ปกครองมองหาโรงเรียนแล้วละก็ ข้อนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาว่าบุตรหลานอยู่ในเกณฑ์ระดับมาตราฐานตลอดเวลาในการเรียนหรือไม่ และอาจจะไม่จำเป็นนักที่จะรอจนกระทั่งผลสอบช่วงสุดท้ายในการประเมินผู้ปกครองสามารถสอบถามประเมิณความก้าวหน้าของระดับการเรียนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งด้วยว่าโรงเรียนมีการให้การศึกษาอยู่ดูแลลูกหลานได้ขนาดไหน
3. การดูแลเฉพาะบุคคล นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่าง หมายความว่านักการศึกษาที่ดีต้องมีส่วนรวมในการรับผิดชอบในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กแต่ละคนสามารถเข้าถึงในการเรียนการสอน เช่น นักเรียนที่มีความถนัดด้านการเรียนแบบ จดโน๊ดสำคัญ ๆ ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ เด็กนักเรียนบางคนมีความยากในการจดจำหรือความยากในการเรียน การตีความ จดจำอะไรยาก เทคนิคในการสอนอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเช่น การใส่กระดาษสี การใช้เส้นในการแบ่งการอ่านเป็นต้น ดังนั้น ควรสอบถามโรงเรียนได้ว่ามีการดูแลพิเศษเฉพาะให้เหมาะสมอย่างไร โรงเรียนที่ดีส่วนใหญ่จะสามารถบอกเทคนิคและกลยุทธิ์วิธีในการสอนผู้ปกครองได้เป็นอย่างดี
4. ที่พัก ที่พักส่วนใหญ่ก็แตกต่างกันแต่ละโรงเรียน ถ้าผู้ปกครองเลือกแบบพักในโรงเรียน มากกว่า ไปกลับหรืออยู่กับโฮสหลังเลิกเรียน ดังนั้นมีความสำคัญมากที่จะพิจารณษว่าลูกควรอยู่แบบไหน พิจารณาว่าต้องแชร์อยู่กับนักเรียนกี่คน บุตรหลานมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการเรียนหรือไม่ รวมถึงพื้นที่ใช้สอย แต่ถ้าบุตรหลานยังเล็ก ส่วนใหญ่เด็กเล็กจะชอบและมีความสนุกมากกว่าที่จะได้แชร์กับนักเรียนหลาย ๆ คนเพื่อเป็นเพื่อนกัน ขณะที่เด็กโตต้องการความเป็นส่วนตัวและความสงบในการเรียนมากกว่า
5. กิจกรรมเสริม โรงเรียนอังกฤษมีชื่อเสียงมากเรื่องกิจกรรมทักษะเสริมนอกห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นกีฬา กิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าบุตรหลานมีความสนใจในแขนงใดมากสุด ให้พิจารณากิจกรรมพิเศษที่โรงเรียนมีเพิ่มเติม ว่ามีอะไรบ้าง เหมาะกับบุตรหลานอย่างไร
6. ทักษะเสริมความนุ่มนวล เรื่องนี้คงเป็นเรื่องทักษะในการบริหารการจัดการทางด้านอารมณ์ การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ทักษะทีเรียกว่า Soft Skill จะรวมถึงหลายอย่างเช่น การทำงานเดี่ยว การจัดการการล้มเหลว การเคารพในการทำงานร่วมกับผู้อื่นทำงานเป็นกลุ่ม ภาวะผู้นำ และอื่นๆ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ถึงแม้จะไม่ได้มีหรือเกิดขั้นกับทุกคน แต่เป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตต่อไปเมื่อเค้าเติบโต ผู้ปกครองควรพิจารณาโรงเรียนที่มีความใส่ใจสอนทักษะเหล่านี้ให้กับนักเรียนเพื่อให้มั่นใจว่าบุตรหลานจะได้การศึกษาที่ครบสมบูรณ์อย่างจริงจัง
7. ความหมุนเวียนของพนักงาน ก็จะดีมาก หากผู้ปกครองสอบถามเรื่องการการหมุนเวียนของพนักงานภายใน เพราะบุตรหลานของท่านอย่างน้อยต้องการครูหรือพนักงานที่จะดูแลเค้าไปได้อย่างนาน ๆ การเปลี่ยนแปลงบ่อยของจำนวนพนักงานครูมีผลกระทบต่อความมั่นคงทั้งอารมณ์และการเรียนของนักเรียน สอบถามว่าพนักงานแต่ละคนทำงานกันยาวนานเท่าไหร่ ซึ่งสามารถเป็นเครื่องมือชี้วัดว่าการผูกพันธ์ในการดูแลนักเรียนที่ยาวนานได้
8. การให้คะแนนและผลติดตาม สอบถามตัวอย่างการรายงานให้คะแนนติดตามผลว่าครูอาจารย์มีการให้คอมเม้นท์นักเรียนอย่างไรบ้าง นักเรียนมีความภูมิใจกับผลงานของตัวเองมากน้อยแค่ไหน งานแต่ละชิ้นได้รับการตอบรับอย่างไร เช่น ครูได้ฟิตแบคแต่ละนักเรียนเป็นรายบุคคลหรือไม่ การให้ฟิตแบคหรือคะแนนเมื่อนักเรียนทำได้ดี ถือเป็นหนึ่งคุณภาพในการช่วยพัฒนาการนักเรียนในการเรียน
9. พูดคุยกับนักเรียนปัจจุบัน พูดคุยกับนักเรียนปัจจุบันว่าเค้ามีความสนุกกับการเรียนอย่างไร พวกเค้ามีความเคารพครูอาจารย์หรือไม่ การได้พูดคุยกับนักเรียนสามารถให้ความรู้เชิงลึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ในโรงเรียนเป็นอย่างไร เพราะเด็กนักเรียนมักจะให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ตัวอย่างคำถามเช่น ผลงานที่ผ่านมาในรอบปีคุณภูมิใจอะไรมากที่สุด คุณหวังอะไรจากความสำเร็จหลังจากจบการศึกษาทีนี้แล้ว เป็นต้น
10. สัญชาตญาณความรู้สึก สุดท้ายนี้คือความรู้สึกจากสัญชาตญาณของท่านล้วนๆ เราคงปฎิเสธไม่ได้การพิจารณาอะไรก็แล้วแต่ความรู้สึกที่ได้เห็น สัญชาตญาณที่มีต่อโรงเรียนนั้นที่เป็นข้อที่คนส่วนใหญ่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ามันยังมีประโยชน์อยู่มากพอสมควร ซึ่งจะตอบโจทย์เราได้มากที่สุดในการตัดสินใจอะไรสักอย่าง หากความรู้สึกปรากฎที่ดีก็จะเป็นคำตอบได้เช่นกัน

The Lion Academy Team